นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวถึงการโหวตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้นั้นว่า มองว่านายกฯคนที่ 30 ชื่อพิธานั้น ยังไม่ได้ เพราะต้องการเสียง ส.ว. 65 เสียงจะหาจากไหน ส.ว.ที่แสดงจุดยืนมีประมาณ 10 กว่าคน แต่ก็ไม่รู้ว่าหลังจากมีการปฏิบัติการจาก กกต. หรือหนังสือจากอัยการสูงสุด ก็ไม่แน่ใจว่าใน ส.ว.10 กว่าคนนั้นจะเหลือกี่คน

"จตุพร" ชี้รัฐบาลแห่งชาติไม่มีอยู่จริง ชี้ "พิธา" ไปไม่ถึงนายกฯ เจอ ส.ว.ดับฝัน

“จตุพร” เทียบคดี ม.151 กรณี สิระ – พิธา ชี้ อาจชวดนายกฯ มีรัฐประหารซ้ำ คำพูดจาก สล็อตวอเลท

โดยหลักปฏิบัติตนเชื่อว่าการที่จะได้เสียง ส.ว. 20 เสียงก็เป็นเรื่องยากแล้ว เพราะวุฒิสภา 249 จาก 250 คน ล้วนโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาก่อนทั้งสิ้น และทุกคนล้วนได้รับการแต่งตั้งจาก พล.อ.ประยุทธ์มาทั้งสิ้น ดังนั้นการปฏิสธไม่จับมือกับลุง มีเราไม่มีลุง การจะมาขอเสียงจาก ส.ว.จึงย้อนแย้งกัน

ซึ่งผมก็แปลกใจที่ น.ส.ศิริกัญญา บอกว่าได้เสียง ส.ว.ครบแล้ว แต่อาการคนได้เสียงครบ นายพิธาก็ไม่ต้องไปเดือดร้อน ไม่จำเป็นต้องไปตระเวนขอบคุณประชาชน เพราะรอไปขอบคุณหลังจากเป็นนายกฯก็ได้ และจะยิ่งใหญ่กว่า และคนที่มั่นใจจะต้องนิ่งรอแล้ว ดังนั้นการที่นายพิธาออกไป จึงแสดงให้เห็นว่าไม่มีความมั่นใจว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ตามที่ น.ส.ศิริกัญญาและหลายคนพูด

นายจตุพร บอกอีกว่า คนที่เลือกคุณพิธาและพรรคก้าวไกล ก็มีความหวังว่าคุณพิธาจะได้เป็นนายกฯ หากวันที่ 13 กรกฎาคมนี้เขาอกหัก ก็จะต้องมีการสำแดง และหากต่างคนต่างมาแบบไร้ระบบบริหารจัดการ ก็จะเป็นเรื่องที่ยากขึ้นตามลำดับ ดังนั้นแรงเหวี่ยงให้ดูปรากฎการณ์จาก กกต. และอัยการสูงสุด ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งแม้จะไม่มีเหตุนี้การจะเดินไปถึง 376 เสียงก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าหากการโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน จะเสนอชื่อครั้งที่ 2 และ 3 ต่อไปนั้น นายจตุพร กล่าวว่า มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะหลังจากครั้งที่ 1 หากไม่ผ่าน อาจจะมี ส.ว.บางคนบอกว่าถ้าเป็นคนของพรรคเพื่อไทยยินดีโหวตให้ แต่ต้องไม่มีคนของพรรคก้าวไกล ดังนั้นอาจจะต้องสลับตัวแคนดิเดตนายกฯ เพราะหาก 312 เสียงยังยืนกรานอยู่ แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยก็จะเจอเหตุการณ์เดียวกันกับนายพิธา เพราะเขาก็จะมองว่านายเศรษฐามาก็เท่ากับเห็นหน้านายทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นอาจจะเกิดการข้ามขั้วของพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลได้ทางเดียวคือการข้ามขั้ว โดยเปลี่ยนตัวนายกฯเป็น พล.อ.ประวิตร ที่นั่งรออยู่ แต่สถานการณ์จะวุ่นวาย ถนนจะถูกเติมเต็ม แต่หากความขัดแย้งถูกก้าวข้ามได้ก็จะเป็นโอกาสของ พล.อ.ประวิตร

คนที่จะมาทำเรื่องนี้ต้องไม่ใช่เสียงข้างน้อย โดยจะใช้สูตรเสาวภาแตก หากมาเป็นพรรคไม่ได้ ก็มาเป็นรายคน แต่มาเป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งมีการวางแผนสูตรนี้ไว้แล้วตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง เพียงแต่เขาจะใช้สูตรนี้ในจังหวะไหน โดยที่ผ่านมามีทฤษฎีการฝากเลี้ยง หลายคนจากพรรคพลังประชารัฐที่เข้าพรรคเพื่อไทยก็มีภารกิจ

เมื่อถามว่าจะ เสนอชื่อโหวตไปเรื่อยๆได้หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า หากโหวตนายพิธาไปเรื่อยๆ แต่ยังมีเรื่องยุบพรรคเพื่อไทยยุบพรรคก้าวไกล จ่ออยู่ ซึ่งองค์กรอิสระก็ไม่ได้รอเรื่องโหวตนายกฯด้วย เพราะมีมีดเล่มอื่นรอจ่ออยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม นายจตุพร บอกอีกว่า หากพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย จับมือจมหัวจมท้ายกัน หากไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ยังจับมือกันอยู่ จะเป็นการซื้ออนาคตเลย เพราะจับมือไว้อีกฝ่ายก็เป็นเสียงข้างน้อยอยู่แล้ว แล้วก็จับมือกันไปพังเป็นพัง หากแต่ละฝ่ายเป็นคนจริงเหมือนกันหมด หากไม่จุดยืนแข็งก็จะพัง ซึ่งเป็นการเดิมพันที่สูงที่สุดของพรรคเพื่อไทย

เมื่อถามว่าหากพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านจะเกิดอะไรขึ้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นการผลักก้าวไกลให้โตทวีคูณ แต่ต้องใจแข็ง พรรคก้าวไกลก็ต้องรอจนใก้พรรคเพื่อไทยผลักออก อย่าประกาศออกเอง ต้องรอพรรคเพื่อไทยข้ามขั้วก่อน ต้องอยู่ในบทดาวพระศุกร์ให้นานที่สุด เลือกตั้งครั้งหน้าก็ไม่ต้องทำอะไรมากมาย

 “จตุพร” ชี้ “พิธา” ไม่มีลุ้นนั่งนายกฯคนที่ 30 ปูดเกมผลักเป็นฝ่ายค้าน

By admin